Top Songs By TWO Popetorn
Lyrics
สู่วาระที่รอ
หนึ่งดวงวิญญาณจะหลุดพ้น
อีกหนึ่งดวงจะถูกขัง
จองจําชั่วกาล
เข้าสู่ลานพิพากษา
อยู่ต่อหน้าข้า
ทุกคนพูดได้แต่ความจริงเท่านั้น
อัคนี
อุบลกล่าวหาว่าเจ้าทรยศ
ต่อความรักของเธอ
และเจ้าตัดคอเธอ
เพื่อจะหนีไปกับหญิงนางอื่น
เจ้าจะว่าอย่างไร
ไม่เป็นความจริงพระเจ้าข้า
พระอรรคไม่เคยทรยศอุบล
แล้วสิ่งที่ท่านทำกับข้ามันคืออะไร
ท่านตัดคอข้า
แล้วไปตายพร้อมกับหล่อน
โครงกระดูกของท่านกับหล่อน
ก็เป็นหลักฐานอยู่แล้ว
อุบล
ตลอดเวลาที่คุณอยู่กับพระอรรค
เขาไม่เคยทําให้คุณเห็นเลยเหรอ
ว่าเขารักคุณมากแค่ไหน
พรหม หนอ พรหมลิขิต
คู่ชีวิต คู่บุญ คู่ชะตา
หยุด
คำที่เอ่ยจากคนที่เคยรักกัน
คำว่ารักที่เธอพูดมา
เคยชื่นใจ
แต่คำว่ารักเดียวกัน
กลับทําให้ร้อนเป็นไฟ
เมื่อที่แท้เธอโกหกทรยศ
คำที่เอ่ยจากใจที่เคยให้เธอ
คําว่ารักภักดีเสมอ
แม้นานเท่าไร
เคยผิดและพลั้งวันวาน
เคยผิดที่ทิ้งเธอไป
แต่ความรักในใจมั่นคงไม่เคยคืนคำ
สัจจะวาจา
เพราะแค้นใจจึงยังจำ
สัจจะวาจา
เพราะแค้นเธอคนใจดำ
ร่วมมือกับเขา
คบชู้จึงตายตามกัน
กรรมตามสนอง
สัจจะวาจา
เพราะรักเธอดังดวงใจ
ให้เธอเท่านั้น
และฉันไม่เคยให้ใคร
เมื่อเราจากกัน
ฉันไม่เคยเจอกับทิพ
มีเพียงอุบลเท่านั้นในจิตใจ
แท้ที่จริง
มันเป็นเช่นไร
หรือร่างตรงนั้นมันไม่ใช่ฉัน
ความสัตย์จริง
ในช่วงเวลามืดมน
คือให้ทิพและอุบล
สองคนจงหนีไป
เพื่อภาระที่ต้องทำ
คนเดียวที่ต้องยอมตาย
คนที่ต้องเฝ้าทรัพย์แผ่นดิน
ก็คือฉันเอง
ทําไมต้องฆ่าเธอ
ถ้าพระอรรคยอมตาย
ระหว่างเส้นทาง
แผนนั้นไม่เป็นดังใจ
เมื่อป้อมปราการ
กำแพงเมืองลุกเป็นไฟ
กําลังทหาร
ต้านได้ไม่นานเท่าไร
ทุกอย่างจะวอดวาย
ระหว่างความตาย
ถ้าสู้ป้องกันกำแพง
กับตายเฝ้าทรัพย์
ไม่ให้ศัตรูเอาไป
จึงต้องตัดใจ
ต้องเลือกสู้เพื่อแผ่นดิน
ที่สุดจําเป็นต้องเลือกผิดต่อเธอ
อ้างแผ่นดิน
ทําไมพูดจาง่ายดาย
แต่ฆ่าฉันก็ดั่งได้ทําลายสัจจะวาจา
เราต่างรักบ้านเมืองเรา
ใช่ไหม
มองตาก็รู้ดวงใจ
ผ่านมานั้นข้าเป็นคนเยี่ยงไร
เพราะสิ่งที่ข้ารักยิ่ง
ก็คือบ้านเมือง
อย่างที่สองคือเจ้าอุบล
คือยอดดวงใจ
หน้าที่ที่แสนยิ่งใหญ่
ถ้าหากต้องมอบให้ใคร
มีเพียงเจ้าผู้เดียว
ผู้เดียวที่ไว้ใจ
ที่ข้ารักจนวันตาย
จงหมายมั่นสัญญา
จำเอาไว้รักเจ้าเพียงใด
และจะรักเจ้าชั่วนิรันดร์
กี่ชาติเปลี่ยนไป
จะไม่เปลี่ยนผัน
จะไม่กลับคืนคำ
สัญญา
ลูกข้า
ลูกข้าอยู่ไหน
ช่วยลูกข้าด้วย
แผ่นดินนี้
ฝากไว้ให้ลูกหลาน
หัวใจ
ให้แก่อุบล
สัจจะวาจา
คือสัญญาไม่เคยเปลี่ยนผัน
เจ้าต้องชอกช้ำ
ข้าก็เสียใจที่ทำไป
ไม่บอกเหตุผล
ทอดทิ้งดังคนไม่มีเยื่อใย
เฝ้ารอมานานเท่าไร
กว่าจะไขได้พบความจริง
สิ่งที่เราค้างคา
ความทุกข์ที่แล้วมา
แค้นเคืองข้าเพียงใด
จะชดใช้เจ้าด้วยชีวา
คลายโซ่ปลดตรวน
ไปเสียแก้วตา
ภาระกลับสู่คน
คู่ควร
ผมพร้อมแล้วอุบล
อย่างไรเล่าอุบล
เจ้ายังยืนยันจะให้เขา
เป็นตัวตายตัวแทนของเจ้าหรือไม่
หม่อมฉันทําไม่ได้
ทําไมถึงทรมานอย่างนี้
ทรมานยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา
หม่อมฉันทําไม่ได้พระเจ้าข้า
แต่เจ้าต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้
ข้ารอฟังเจ้าอยู่
และจะฟังเจ้าครั้งนี้
อีกเพียงครั้งเดียว
ถึงคราว
ทรัพย์แผ่นดินต้องมีผู้ดูแลรับไป
สิ้นอุทธรณ์ร้องเรียน
เมื่อเราตัดสินใจ
สุดท้ายเราจะเลือกใครมาอยู่ตรงนี้
ภาพจำ
มีแต่มุมของตัวเองที่ตัดสินเธอ
ด้วยภาพมุมเดียว
มองเธออย่างใจร้าย
เพิ่งมองภาพทั้งมวล
เพิ่งจะเข้าใจความหมาย
พิษสวาท
เจ็บปวดที่เคยรอคอย
สิ่งจองจำเหมือนปลดปล่อย
หน้าที่ที่หนักที่เคยทุกข์ร้อนผ่อนเบา
เมื่อรู้เขาให้ด้วยรัก
ให้ฉันเพราะคือผู้เดียวที่ไว้ใจ
มองมุมเดียวกันเราทําหน้าที่
ที่ภูมิใจ
ทําเพื่อแผ่นดิน
ที่เรารักยิ่งกว่าสิ่งใด
จะขอดำรงสัจจะวาจา
ที่เคยให้ไป
ขอเลือกตัวเอง
อุบล
ไฟแห่งโมหะดับเชื้อลงแล้ว
สาธุ
ไฟแห่งความพยาบาทอาฆาต
สิ้นสุดลงแล้ว
สาธุ
แด่ดวงวิญญาณแห่งความดีทั้งปวง
สาธุ
อุบล
บัดนี้สายใยแห่งความอาฆาต
แค้นเคืองของเจ้าได้ขาดลงแล้ว
เจ้าจงกลับไปทำหน้าที่ของเจ้า
ให้ดีเช่นเคยเถิด
เจ้าจะหลุดพ้นจากหน้าที่นี้ได้
ก็ต่อเมื่อบ้านเมืองนี้
ไม่จําเป็นต้องมีผู้ทําหน้าที่
เฝ้าทรัพย์สมบัติแผ่นดินอีกต่อไป
อุบล
ทำไมถึงทำอย่างนี้
จงมีชีวิตเพื่อทําหน้าที่ดีงามต่อไป
ให้คนเรียนรู้วันวานสอนใจ
ไม่ผิดซ้ำ
ที่เคยเคืองแค้นอโหสิให้
ให้เราหมดกรรม
ถ้าเรายังมีเสี้ยวบุญ
อาจจะหนุนให้ชาติปางใด
ได้กลับมาพบกัน
Written by: วิเชียร ตันติพิมลพันธ์, สราวุธ เลิศปัญญานุช